วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บันทึกภาพจากเส้นทางสายแพรไหม Images from the Silk Road (from Kashgar to Xi’an)

(จากโครงการเสวนาสัญจรของอิโคโมสไทยครั้งที่ ๒๔ เส้นทางวัฒนธรรมสู่นครฉางอาน สาธารณรัฐประชาชนจีน วันที่ ๔-๑๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒)๑. จากเมืองไทยเราแวะต่อเครื่องที่ซีอานเพื่อมุ่งสู่อูรุมฉีเมืองหลวงของมณฑลซินเจียงเป็นจุดแรก ที่นี่มีภูเขาเทียนชานและทะเลสาบเทียนฉือที่ได้ชื่อว่างามดุจสวรรค์ วันนี้น้ำในทะเลสาบเป็นน้ำแข็งสีขาวโพลนเป็นของแปลกอย่างแรกที่เราได้พบในทริปนี้
Tian Chi Lake (Heavenly Lake), Urumqi
๒. หลังชมความงามทางธรรมชาติและบ้านกระโจมพื้นถิ่นของชาวคาซัค ก็ได้มาชมพิพิธภัณฑ์แห่งเขตปกครองตนเองซินเจียงที่ผู้เชี่ยวชาญของพิพิธภัณฑ์เปิดให้เราเข้าชมห้องมัมมี่แห่งโลวลานเป็นกรณีพิเศษ นอกจากเรื่องราวของชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆที่น่าสนใจมาก
Xinjiang Museum, Urumqi
๓. จากอูรุมฉีเราเดินทางสู่คาสการ์ และนั่งรถอีกครึ่งวันผ่านทะเลทรายต่อมายังชายแดนปลายสุดประเทศจีนต่อปากีสถานที่ทะเลสาบการากูลิ ที่นี่มีอูฐเดินอยู่บนทะเลสาบน้ำแข็งให้ขี่แอ็คท่าถ่ายรูป (ไม่ต้องจ่ายค่าลงอย่างที่อิยิปต์) ต้องไม่ลืมว่าการมาเยี่ยมชมเส้นทางสายไหมคราวนี้ได้คุณภัคพดี นักโบราณคดี กรมศิลปากรเป็นผู้นำมา
Ms.Pakpadee at Karakul Lake, close to Pakistani border

๔. ที่คาสการ์ชาวเมืองร้อยละ๙๐ คือชาวเวคเกอร์(Uygur) เป็นมุสลิม เราเลยมาสวมหมวกเดิมชมตลาดกลางเมืองแหล่งรวมวิถีชีวิตพื้นถิ่น และไปมัสยิดกัน ที่นี่คือมัสยิด Id Kah ใหญ่ที่สุดในซินเจียง
Id Kah Mosque, Kashgar historic center

๕. เดินทางต่อมาตามเส้นทางสายไหม ผ่านทะเลทรายโกบี ที่แม้แต่หญ้าอูฐก็ไม่ขึ้น ดั้นด้นฝ่าพายุทรายมาจนถึงเมืองโบราณมรดกโลกเจียวเหอใกล้กับทูรูฟาน มีวัดในศาสนาพุทธเป็นศูนย์กลาง เช่นเดียวกับเมืองเกาชาง อีกเมืองที่เรานั่งรถเทียมลาเข้าไปชม มีบันทึกว่าพระถังซัมจั๋งเคยมาพำนักแสดงธรรมที่นี่ด้วย
Jiaohe : world heritage site, Turpan
๖. คืนนั้นเรานอนบนรถไฟชั้น๑ มาเช้าที่เจียยู่กวนเมืองป้อมปราการสมัยราชวงศ์หมิงที่ไกด์ว่าเป็นของใหม่อายุแค่ ๗๐๐ ปี ที่นี่คือปลายสุดกำแพงเมืองจีนทางตะวันตกของจีน พวกเราที่มาจาก “นอกด่าน” จะได้ศิวิไลซ์กันเสียที
Jiayuguan Fort, the West Gate of China
๗. มาพักที่ตุงหวง เมืองโอเอซิสจุดยุทธศาสตร์แห่งเส้นทางสายไหม เป็นจุดสุดท้ายที่จะจัดหาเสบียงสำหรับการเดินทางในทะเลทรายได้ จึงมีการสร้างวัดขึ้นมากมายเพื่อขอพร หรือแก้บนที่กลับมาได้โดยสวัสดิภาพ เบื้องหลังของเราคือถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาถ้ำที่ยังเหลืออยู่หลายร้อยถ้ำของแหล่งถ้ำมาเกา ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่และจิตรกรรมฝาผนังอัปสราเหิรที่งดงามมาก
Mogao Grottoes, Dunghuang
๘. เราเดินทางลัดฟ้ากลับเข้าสู่ซีอาน หรือ ฉางอานในสมัยราชวงศ์ถัง ที่วัดเจดีย์ห่านป่าใหญ่นี้คือจุดกำเนิดของตำนานพระถังซัมจั๋ง ผู้ใช้เส้นทางสายไหมบางส่วนในการเดินทางสู่อินเดีย ที่ซีอานมีอะไรให้ดูมากมายทั้งวัด พิพิธภัณฑ์ สุสาน และมัสยิดในรูปแบบสถาปัตยกรรมจีน
The Big Wild Goose Pagoda, Xi’an
๙. ถ้าใครดูพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิคที่ปักกิ่งอาจจะพอจำตุ๊กตายักษ์ ๒ ตัวนี้ได้ วันนี้เขานำมาตั้งไว้ในอาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพทหารดินเผาของสุสานจักรพรรดิ์จิ๋นซี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการส่งต่อมรดกวัฒนธรรมอันสูงค่าของเขาไปยังเยาวชนคนรุ่นใหม่
Marionettes : Warrior & Little Girl, Emperor Qin Shihuang’s Terracotta Army Museum, Xi’an
๑๐. โอกาสที่พิเศษสุดในการเดินทางในครั้งนี้ได้แก่มิตรภาพที่เราได้รับจากการเข้าเยี่ยมชม ICOMOS International Conservation Center แห่งซีอาน หรือ IICC-X ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเจดีย์ห่านป่าเล็ก เป็นการพบปะครอบครัวอิโคโมสเพื่อสานต่อการทำงานในลักษณะเครือข่ายการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมแบบไร้พรมแดน ซึ่งในครั้งนี้ ดร.Shao Zhenyu ผู้อำนวยการฝ่ายเลขานุการของศูนย์เป็นตัวแทนให้การต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี คุณ Chen Bin ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารและฝึกอบรมได้แนะนำความเป็นมาของศูนย์และกิจกรรมในโครงการต่างๆที่กำลังดำเนินการอยู่ เช่น การศึกษาจัดเตรียมข้อมูลและเอกสารสำหรับการเสนอ “เส้นทางสายไหม”ขึ้นเป็นมรดกโลก และมีคุณ Zhao Fengyan เจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการด้านโลหะ และกระดูกมนุษย์ ช่วยเป็นล่ามตลอดช่วงการเสวนา ซึ่งหวังว่าเราคงจะได้ต้อนรับพวกเขาที่เมืองไทยบ้างในโอกาสต่อไป
Warm welcome at IICC-X (ICOMOS International Conservation Center), the Small Wild Goose Pagoda Park, Xi’an

1 ความคิดเห็น:

Freebird กล่าวว่า...

เรียนคุณวสุ

จากซินเจียงเข้าสู่กานซู ถึงตุนหวง ก่อนเจียยู่กวนค่ะ
บันทุกคุณสับตำแหน่งกันค่ะ